นอกจากนี้ ยังเน้นการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ เช่น การประชุมผ่านวิดีโอคอล การใช้แพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันอีกด้วย โดยแนวคิดนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของคนยุคใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน เน้นการจัดการเวลาและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้ชีวิตเกิด Work Life Balance มากขึ้น
5 ข้อดี ของการทำงานแบบ Hybrid Working
แม้ว่าการทำงานแบบ Hybrid Working จะเกิดจากความต้องการของพนักงานเป็นส่วนใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วการทำงานแบบนี้ ส่งผลดีกับทั้งพนักงานเองและองค์กร ดังนี้
1. สร้าง Work Life Balance ให้กับพนักงาน
โดยพนักงานสามารถจัดการเวลาได้ยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้มีเวลาสำหรับครอบครัว งานอดิเรก หรือกิจกรรมส่วนตัวมากขึ้น ช่วยเพิ่มความสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตและการทำงาน
2. ลดความเครียดในการทำงาน
การลดเวลาเดินทางและมีอิสระในการเลือกสถานที่ทำงานหรือเลือกสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท จะช่วยลดความเครียดและเพิ่มความสุขในการทำงาน ส่งเสริมให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
3. กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ
การทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และมุมมองใหม่ ๆ ได้ดี ทำให้งานที่ทำเกิดความสร้างสรรค์และอาจจะต่อยอดไปสู่โปรเจคใหญ่ ๆ ที่เป็นประโยชน์กับองค์กรในอนาคตได้
4. ประหยัดค่าใช้จ่าย
ทั้งพนักงานและองค์กรสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร และค่าเช่าสำนักงานใหญ่ ๆ ราคาแพงได้
5. ดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถ
ความยืดหยุ่นในการทำงานจะเปิดโอกาสให้คนที่อยู่ห่างไกล หรือมีข้อจำกัดทางกายภาพแต่มีความสามารถทำงานกับองค์กรได้ สำหรับพนักงานเก่าที่เก่ง ๆ เองก็มีความต้องการการทำงานแบบ Hybrid Working จึงช่วยรักษาพนักงานเหล่านี้ให้อยู่กับองค์กรได้นาน ๆ
รูปแบบการทำงานแบบ Hybrid Working มีอะไรบ้าง
รูปแบบการทำงานแบบ Hybrid Working มีความหลากหลาย และสามารถปรับให้เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรและพนักงานเลย สำหรับผู้ที่กำลังสนใจเปลี่ยนมาทำงานแบบ Hybrid Working เรานำตัวอย่างที่พบได้บ่อย ๆ มาแนะนำกัน ดังนี้
- การสลับวันทำงาน พนักงานจะทำงานที่ออฟฟิศบางวัน สลับกับการทำงานจากที่บ้านหรือสถานที่อื่น ๆ บางวัน เช่น เข้าไปทำงานในออฟฟิศ 3 วัน และทำงานที่บ้าน 2 วัน
- การกำหนดช่วงเวลาเข้าออฟฟิศ องค์กรจะกำหนดเวลาที่พนักงานต้องมาทำงานที่ออฟฟิศเพียงบางวัน เพื่อให้เกิดการทำงานได้อย่างต่อเนื่องแต่ยังเกิดความยืดหยุ่น เช่น กำหนดให้สัปดาห์แรกของทุกเดือน หรือทุกวันจันทร์และอังคาร ให้ทุกคนเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศเพื่อประชุมทีมหรือทำกิจกรรมร่วมกัน
- การเลือกตามลักษณะงาน พนักงานสามารถเลือกสถานที่ทำงานตามความเหมาะสมของงานแต่ละประเภทได้ เช่น งานที่ต้องการสมาธิสูงอาจทำที่บ้าน ส่วนงานที่ต้องการการประสานงานมากอาจทำที่ออฟฟิศ
- การแบ่งทีมมาทำงาน เป็นกลุ่มย่อยและสลับกันมาทำงานที่ออฟฟิศ สามารถช่วยลดความแออัดและรักษาระยะห่างในออฟฟิศ เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายและเสียสมาธิในการทำงานเกินไป
ตัวอย่างบริษัทชั้นนำที่ใช้การทำงานแบบ Hybrid Working
โดยเทรนด์การทำงานยุคใหม่ Hybrid Working นี้ ไม่เพียงได้รับความนิยมในประเทศไทยเท่านั้น แต่หลายบริษัทชั้นนำระดับโลกก็ได้นำระบบ Hybrid Working มาใช้ ซึ่งแต่ละบริษัทก็มีการปรับใช้ที่แตกต่างกันไปตามลักษณะธุรกิจและวัฒนธรรมองค์กร
โดยบริษัทเหล่านี้ไม่เพียงแต่นำ Hybrid Working มาใช้เท่านั้น แต่ยังมีการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร การบริหารจัดการ และการออกแบบพื้นที่ทำงานเพื่อรองรับรูปแบบการทำงานใหม่นี้ด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสำหรับพนักงานในยุคปัจจุบัน ซึ่งบริษัทเหล่านั้นจะมีการทำงานอย่างไรบ้าง วันนี้เรารวบรวมมาตัวอย่างบางส่วนมาให้ได้ดูกัน
- Google ให้พนักงานทำงานที่ออฟฟิศ 3 วันต่อสัปดาห์ และทำงานจากที่อื่นอีก 2 วันต่อสัปดาห์
- Microsoft อนุญาตให้พนักงานทำงานจากบ้านได้ถึง 50% ของเวลาทำงาน โดยไม่ต้องขออนุญาตจากผู้จัดการ
- Spotify ใช้นโยบาย "Work From Anywhere" ให้พนักงานเลือกทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน สำนักงาน หรือแม้แต่ต่างประเทศ
- X (Twitter) ประกาศให้พนักงานสามารถทำงานจากบ้านได้ตลอดไปถ้าพนักงานต้องการ
- Salesforce ใช้นโยบาย "Work From Anywhere" และปรับปรุงออฟฟิศให้เป็นพื้นที่สำหรับการทำงานร่วมกันและสร้างความสัมพันธ์ในทีม
สำหรับเจ้าของกิจการและพนักงานที่ต้องการปรับการทำงานมาเป็น Hybrid Working เพื่อให้ชีวิตเกิด Work Life Balance มากขึ้น สามารถนำรูปแบบการทำงานที่เราแนะนำไปปรับใช้ได้เลย แต่สำหรับใครที่กำลังมองหาออฟฟิศให้เช่าเพื่อตอบโจทย์การทำงาน Hybrid Working อยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก 𝐖𝐨𝐫𝐤𝐒𝐭𝐨𝐫𝐢𝐞𝐬 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับออฟฟิศทำงานของคนยุคใหม่ ที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน บรรยากาศผ่อนคลาย และบริการมาตรฐานเดียวกับโรงแรม 5 ดาว ตอบโจทย์การทำงานสำหรับทุกคน